ก่อนเริ่มการทำงานกับโปรแกรมชมพูนุช ยังมีข้อมูลพื้นฐานของระบบที่ต้องจัดการให้เรียบร้อยก่อนครับ (หน่วยงานไหน ที่ทำงานเป็นเครือข่ายถ้าตั้งค่าที่เดียวแล้วใช้เหมือนกันหมด จะสะดวกมากครับ) ข้อมูลที่ต้องตั้งค่าให้เรียบร้อย มีดังรูป
เราจะค่อยๆเรียนรู้ไปทีละส่วนครับ
1. ข้อมูลสถานะสินค้า
สถานะสินค้า อย่างน้อยต้องมี ในบัญชี และตัดจากบัญชี...ส่วนจะมีมากกว่านี้หรือไม่ก็แล้วแต่ระบบที่วางไว้ครับ (สงสัยให้สอบถามเพิ่มเติมได้ครับ)
ตามรูปจะเห็นว่ามี สถานะในบัญชี ไม่นับรายการ...อันนี้หมายถึง สินค้านี้อยู่ในบัญชีแต่ มีการใช้น้อย หรือไม่แน่นอน หากนับรวมรายการอาจจะทำให้เกินกรอบที่กำหนดไว้ เราเลยยังไม่อยากจะนับรวมเอาไว้ รอดูแนวโน้มก่อนครับ (ทำนองนี้) เราอาจประยุกต์ใช้ในคลังเวชภัณฑ์ไปได้อื่นๆ เช่น สินค้าอยู่ระหว่างประเมินการใช้ เป็นต้น
2. ข้อมูลการจัดซื้อสินค้า
ข้อมูลส่วนนี้คือ การกำหนดว่า สินค้าแต่ละชนิดนั้น ได้มาจากการจัดซื้อรูปแบบใด
คำย่อเพื่อ Note : ข้อมูลนี้จะแสดงให้เห็นที่หน้าจอทำรายการสั่งซื้อ ซึ่งจะกล่าวถึงในขั้นตอนการทำรายการขออนุมัติจัดซื้อ
ชื่อกลุ่มในแผนจัดซื้อ : ข้อมูลนี้จะแสดงให้เห็นในหน้าจอทำแผนจัดซื้อ ซึ่งจะกล่าวถึงต่อไป
3. ข้อมูลรูปแบบสินค้า
ข้อมูลส่วนนี้ เป็นการกำหนดรูปแบบให้กับสินค้า ทางยา ก็หมายถึง Dosage form หรือรูปแบบยา ถ้าเป็นสินค้าอื่น ก็อาจหมายถึง ชื่อของหมวดสินค้านั้น เช่น พัสดุ ครุภัณฑ์ วัสดุ เป็นต้น
4. ข้อมูลบัญชีสินค้า
ขอมูลส่วนนี้ เป็นการกำหนดว่ามีบัญชีใดบ้างที่สามารถกำหนดให้กับสินค้าแต่ละรายการได้ ข้อมูลนี้จะเชื่อมโยงไปสู่การทำรายการสินค้าประจำหน่วยเบิก ได้ ซึ่งจะสะดวกถ้าเรากำหนดไว้ว่าสินค้าใดอยู่ในบัญชีใดบ้าง เมื่อเราเลือกดูบัญชีสินค้า จะพบรายการสินค้าที่อยู่ในบัญชีนั้นๆ ซึ่งสินค้าแต่ละรายการสามารถอยู่ในหลายๆบัญชีได้
5. ข้อมูลบรรจุภัณฑ์สินค้า
ข้อมูลบรรจุภัณฑ์สินค้า คือ ข้อมูลที่ระบุว่า สินค้าที่รับมาอยู่ในบรรจุภัณฑ์ใด ขนาดเท่าไหร่ เช่น 1*50 หมายถึง รับมา 1 แต่ในบรรจุภัณฑ์ที่มี 50 หน่วยย่อยภายใน เป็นต้น
จำนวนนับ : ข้อมูลนี้หมายถึง ในบรรจุภัณฑ์นั้น มีหน่วยย่อยภายในเท่าไหร่ เช่น 1*50 หมายถึง มีหน่วยภายใน 50 หน่วย เป็นต้น
หมวดลำดับ : ข้อมูลนี้กำหนด ตามเลขตัวหน้า เช่น 1*50 ก็กำหนดเป็น 1, 3*100 ก็กำหนดเป็น 3 เป็นต้น ข้อมูลนี้ไม่ได้สำคัญมากนัก เพียงแค่เป็นเทคนิคทางโปรแกรมที่จะนำไปใช้กับการจัดเรียงข้อมูลตามหมวดหมู่ เนื่องจากการใส่ข้อมูลนี้จะใส่ได้เรื่อยๆ ไม่เรียงลำดับ ซึ่งการแสดงผลจะค้นหายาก แต่หากจัดเรียงตามข้อมูลนี้...จะสะดวกต่อการเรียกดูมากกว่า
6. ข้อมูลประเภทหน่วยนับ
ข้อมูลนี้เป็นการกำหนดว่า หน่วยนับสินค้า จะมีกี่รูปแบบ ซึ่งจะใช้กรองรายการหน่วยนับกรณีมีรายการมาก ปกติ ให้กำหนด ดังรูป
7. ข้อมูลหน่วยนับ
ข้อมูลนี้คือ หน่วยของสินค้าที่เราใช้อ้างอิงในการรับ จ่าย สั่งซื้อ การกำหนดขึ้นกับว่า สินค้าที่เรารับเข้ามาอยู่ในหน่วยนับใด
8. ข้อมูลประเภทการรับสินค้า
ข้อมูลประเภทการรับสินค้า มีความสำคัญ เพราะการรับสินค้า เข้าคลังสามารถมาจากหลายวิธีการ เช่น ซื้อด้วยวิธีการต่างๆ ได้รับสนับสนุน รับคืน ยืม ผลิตใช้เอง เป็นต้น
แก้ไขสถานะรอสินค้า : ข้อมูลนี้หากเลือกไว้ จะหมายถึง เมื่อมีการลงรับด้วยประเภทนี้ จะมีการแก้ไขสถานะการรอสินค้าด้วย ซึ่งจะทำให้ส่วนตรวจสอบสินค้ารอรับของนั้นไม่แสดงรายการนี้อีกต่อไป แนะนำว่า ควรกำหนดไว้เฉพาะประเภทการรับที่เป็นการจัดซื้อโดยตรงจากบริษัท หรือประเภทที่ระบบต้องการตรวจสอบได้ว่า สินค้าใดที่ยังไม่ได้รับการจัดสั่ง (อยู่ในส่วนตรวจสอบสินค้ารอรับ...)
เก็บรหัสใบเบิก : ข้อมูลนี้จะกำหนดในประเภทการรับที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่มีการเบิกจากคลังไป และจะรับกลับมา เช่น รับคืน รับจากยืม เป็นต้น
ใช้งบประมาณจัดซื้อ/คิดในสรุปมูลค่ารับ : ข้อมูลนี้จะกำหนดไว้เพื่อใช้ประมวลผลด้านการเงิน กำหนดไว้เฉพาะประเภทที่มีการใช้งบประมาณจัดซ์้อเท่านั้น หรือต้องการให้สรุปในรายงานจัดซื้อ
รับจากยืมมา : ข้อมูลนี้ให้กำหนดในประเภทการรับ ที่แสดงถึงการรับจากการยืมสินค้าจากหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งจะใช้ในระบบการตรวจสอบการยืม คืนสินค้า
รับจากรับคืน : ข้อมูลนี้ให้กำหนดในประเภทการรับ ที่แสดงถึงการรับคืนสินค้าจากหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งจะใช้ในระบบการตรวจสอบการยืม คืนสินค้า
9. ข้อมูลประเภทการเบิกสินค้า
ข้อมูลประเภทการเบิก แนวคิดคล้ายกับประเภทการรับ คือ สินค้ามีการเบิกได้หลายๆประเภท เช่น เบิกปกติ เบิกฉุกเฉิน เบิกให้ยืม เบิกเพื่อคืน เบิกกรณีหมดอายุ เป็นต้น ซึ่งประเภทต่างๆเหล่านี้มีผลต่อการสรุปแยกเป็นรายงานมูลค่าการเบิกด้วย ซึ่งเราต้องกำหนดไว้ให้ถูกต้อง
10. ข้อมูลโครงการ VMI
ข้อมูลนี้มีเพื่อกำหนดชื่อโครงการจัดซื้อเฉพาะ ซึ้่งสามาถประยุกต์ใช้ได้ในการจัดซื้อสินค้าโครงการ โดยข้อมูลนี้ จะต้องไปกำหนดให้กับสินค้าใน ส่วนข้อมูลสินค้าอีกครั้งหนึ่ง และ จะสามารถใช้ในส่วนตรวจสอบสินค้าถึงจุดสั่งซื้อได้ ทำให้เกิดความสะดวกในการวางแผนจัดซื้อสินค้าตามโครงการพิเศษเหล่านี้ (แทนที่จะรวมในสินค้าทั่วไปซึ่งอาจทำให้เกิดความสับสนในการแยกรายการว่าสินค้าใดอยู่ในโครงการพิเศษใดๆ ซึ่งอาจส่งผลการรูปแบบการจัดซื้อ การลงรับ และการสรุปมูลค่าการจัดซื้อตามโครงการได้)
11. ข้อมูลรหัสสีประจำปี
ข้อมูลนี้ ให้กำหนดไว้ว่า สินค้าปีไหน ใช้สีใด เพื่อใช้ในระบบการตรวจสอบการหมดอายุของสินค้า ซึ่งระบบนี้เป็นรูปแบบเฉพาะที่หน่วยงานต่างๆ ต้องคิด และกำหนดเอง
เช่น ปี 2556 กำหนดเป็นสีแดง...ดังนั้น การตรวจรับสินค้าก่อนเก็บในคลัง ต้องทำสัญลักษณ์สีแดงที่บรรจุภัณฑ์ก่อนเก็บ เพื่อให้ทราบว่า สินค้ารุ่นผลิตนั้นๆ จะหมดอายุในปี 2556 ซึ่งจะสะดวกกว่าการอ่านที่บรรจุภัณฑ์โดยตรง...และข้อมูลนี้ ในอนาคตจะมีแสดงให้เห็นในใบเบิกสินค้า ซึ่งจะช่วยให้ผู้จัดสินค้าเห็นข้อมูลได้ครบถ้วน หยิบไม่ผิด (หวังว่านะ 555)
12. ข้อมูลประเภทสินค้า (หลัก)
ชื่อประเภท : คือชื่อประเภทสินค้า
ชื่อคลัง : สินค้าประเภทนั้นๆ ใช้กับคลังใด
หมวดจัดซื้อ : กำหนดหมวดจัดซื้อ เพื่อให้แสดงผลในขั้นตอนทำรายการจัดซื้อ สามารถกำหนดหมวดให้เหมือนกันได้ในหลายๆประเภท ขึ้นกับว่า ต้องการให้แสดงผลร่วมกันหรือไม่
ลำดับการเรียง : ใช้เรียงลำดับรายการ กรณีมีรายการมากๆ จะแสดงผลตามลำดับที่เรากำหนด
หมายเหตุ : สินค้าแต่ละประเภท จะกำหนดประเภทย่อยๆ ได้ (ในหัวข้อต่อไป)
13. ข้อมูลประเภทสินค้า (ย่อย)
ข้อมูลส่วนนี้เป็นการกำหนดว่า สินค้าแต่ละประเภท มีประเภทย่อยๆ ใดอีกบ้าง (สินค้าแต่ละประเภท มีประเภทย่อยได้หลายประเภท)














ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น